สุดยอดเทคโนโลยีตัวใหม่อย่าง Apple ได้ถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ที่จัดขึ้นที่นครซานฟรานซิสโก ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นก็ได้มีสารพันข่าวลือเกี่ยวกับสิ่งที่ Apple จะเปิดตัวในงานออกมาบ้างแล้ว แต่โดยสรุปคือ สินค้า/บริการที่ Apple ได้เปิดตัวใหม่หลักๆ แล้วมีดังต่อไปนี้ครับ

1. iOS 4.1 และ 4.2

2. iPod Touch, Nano และ Shuffle ใหม่

3. Apple TV ตัวใหม่

4. iTunes 10 และเครือข่ายสังคมของ Apple เองที่มีชื่อว่า Ping

iOS

       โดยผมจะขอเริ่มจาก iOS ตัวใหม่ก่อนเลยนะครับ โดยเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรานั้น Apple ได้ประกาศเปิดตัว iOS 4.1 สำหรับ iPhone และ iPod Touch อย่างเป็นทางการแล้ว โดยสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นั้นก็เป็นในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย ข้อผิดพลาดต่างๆ และคุณสมบัติใหม่ๆ อีกมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ GameCenter ที่อนุญาตให้ผู้ใช้และผองเพื่อนสามารถเล่นเกมด้วยกันได้ด้วยการส่งคำเชิญออกไป ซึงจะเป็นตัวบอกให้เพื่อนของท่านรู้ว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ ทาง Apple กล่าวเพิ่มเติมว่า iOS 4.1 นั้นจะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีภายในอาทิตย์หน้าผ่านทาง iTunes

       นอกจาก iOS 4.1 แล้ว Apple ยังได้สาธิตการทำงานของ iOS 4.2 สำหรับ iPhone, iPod Touch และ iPad อีกด้วย โดยทีคุณสมบัติใหม่ๆ คือการพิมพ์ และ AirPlay ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสตรีมวิดีโอและเพลงผ่านทาง WiFi ได้เลย สำหรับกำหนดการแล้วเสร็จนั้นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

Apple TV

       นอกจาก iOS แล้ว สินค้าตัวหนึ่งที่มีข่าวลือมานานนั่นก็คือ Apple TV ครับ โดยเวอร์ชั่น 2010 นี้ก็จะยังคงใช้คำว่า Apple TV เหมือนเดิม ไม่ใช่ iTV ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้า โดย Apple TV เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงให้มีคุณสมบัติเพิ่มเติมขึ้นอีกมาก

       ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับเวอร์ชั่นใหม่นี้คือขนาดนั่นเอง โดย Apple TV ตัวใหม่มีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของเวอร์ชั่นเก่าเท่านั้น แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยเขี้ยวเล็บต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ WiFi, HDMI, Optical audio และช่อง Ethernet โดยผู้ใช้สามารถสตรีมไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงขนาด 720p ได้ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับรีโมทที่ดูเผินๆ แล้วคล้ายกับ iPod Shuffle มากอีกด้วย

       นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเช่าดูรายการโทรทัศน์ความละเอียดสูงที่ไม่มีโฆษณามาขัดหูขัดตาจาก Apple ได้ในราคาเพียง $0.99 (ราว 32 บาท) เท่านั้น และในอนาคตจะมีรายการต่างๆ เพิ่มเติมจากช่อง ABC และ FOX TV และรายการภาพยนตร์จากฮอลลีวูดเพิ่มเติมอีกด้วย หรือผู้ใช้จะทำการสตรีมจาก Netflix, Youtube, Flickr และ MobileME ก็ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการสตรีมภาพยนตร์ความละเอียดสูงนั้นจะอยู่ที่ $4.99 (ราว 160 บาท) ต่อหนึงเรื่อง

       นอกจากคุณสมบัติใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาดังที่ได้กล่าวไปแล้ว Apple TV ยังได้รับการยกเครื่องส่วนติดต่อผู้ใช้งานใหม่หมด โดยส่วนของอินเตอร์เฟสที่เพิ่มเข้ามานั้นประกอบไปด้วยเรทติ้ง และคำวิจารณ์จากหลายๆ แห่ง ตลอดจนข้อมูลของภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ด้วย นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถสตรีมสื่อต่างๆ จากอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้ เช่น iPad เข้าสู่ Apple TV แล้วเชื่อมต่อเข้ากับจอโทรทัศน์ได้เลย แต่ว่าผู้ที่อยากใช้คุณสมบัตินี้คงต้องรอจนกว่า iOS 4.2 จะออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

       สำหรับราคาขายของ Apple TV นั้นจะอยู่ที่ $99 (ราว 3,200 บาท) และจะวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน และออสเตรเลีย เท่านั้น และพร้อมวางจำหน่ายภายในอีกสี่อาทิตย์นับจากนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้

iPod

       แต่ไฮไลท์เด็ดที่สุดของงานเมื่อคืนที่ผ่านนั้นก็เห็นจะเป็นการเปิดตัว iPod เวอร์ชั่นใหม่นั่นเองครับ โดยทั้ง iPod Touch, Nano และ Shuffle นั้นได้รับการยกเครื่องใหม่หมด สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดที่สุดสำหรับ iPod Touch รุ่นที่ 4 นั้นก็เห็นจะเป็นในส่วนของตัวบอดี้ที่เหมือนกับของ iPhone 4 เป็ะเลย นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับกล้องด้านหน้าและหลัง ส่วนของจอภาพนั้นจะเป็นแบบ Retina Display เหมือนกับของ iPhone 4 อีกด้วย ข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ที่เหลือนั้นก็เหมือนกับของ iPhone 4 คือภายในนั้นประกอบไปด้วยชิพ A4 ระบบไจโรสโคป FaceTime และสามารถเล่นเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง และที่สำคัญคือผู้ที่ใช้ iPhone 4 และ iPod รุ่นที่สี่นี้สามารถใช้ FaceTime ด้วยกันได้

สำหรับราคาขายนั้นจะอยู่ที่ 7,900 บาท สำหรับความจุ 8GB 10,400 บาท สำหรับความจุ 32GB และ 13,900 บาท สำหรับความจุ 64GB

       ถัดมาที่น้องคนกลางอย่าง iPod Nano กันบ้าง ซึ่งคราวนี้มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสด้วย และใช้ระบบปฏิบัติการเช่นเดียวกับพี่ใหญ่ iPod Touch แต่จะเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการปรับแต่งและย่อส่วนลงมาให้ทำงานร่วมกับ iPod Nano ได้ โดยบนหน้าจอของ iPod Nano นั้นจะมีพื้นที่สำหรับแสดงไอคอนทั้งหมดสี่ไอคอนตามรายชื่อแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ในเครื่อง โดยที่ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาหรือจะหมุนก็ได้ตามใจชอบ นอกจากนั้นตัวบอดี้เครื่องยังมีหลายสีให้เลือกอีกด้วย

       สำหรับช่องเชื่อมต่อนั้นและปุ่มต่างๆ ข้างตัวเครื่องนั้น iPod Nano ก็มีมาให้อย่างพอประมาณ ซึ่งประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟัง และปุ่มปรับระดับเสียงขึ้นลง เหมือนกับ iPhone 4 สำหรับราคาขายนั้นจะอยู่ที่ 5,400 บาท สำหรับขนาด 8GB และ 6,600 บาท สำหรับขนาด 16GB ครับ

       ส่งท้ายด้วยน้องเล็กอย่าง iPod Shuffle ซึ่งก็ได้รับการยกเครื่องด้วยเช่นกัน โดยกรอบนอกของตัวเครื่องนั้นจะมีขนาดเล็กลง ซึ่งช่วยให้กดปุ่มต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ว่าเจ้า Shuffle นี้จะไม่มีหน้าจอระบบสัมผัสมาให้นะครับ จึงทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกเพลงต่างๆ ผ่านทางปุ่มกลมๆ เหมือนเดิม สำหรับราคาขายนั้นจะอยู่ที่ 2,000 บาท ที่ความจุ 2GB

ทั้ง iPod Touch, Nano และ Shuffle จะพร้อมวางจำหน่ายภายในอาทิตย์หน้า

iTunes 10 และ Ping

       สุดท้ายกับการเปิดตัวซอฟแวร์และบริการใหม่ๆ กันบ้าง โดยภายในงานนั้น Apple ยังได้เปิดตัว iTunes 10 และบริการเครือข่ายสังคมที่มีชื่อว่า Ping ด้วยครับ

       สำหรับคุณสมบัติใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน iTunes 10 นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในด้านของอินเตอร์เฟสติดต่อผู้ใช้งานซะเป็นส่วนมาก โดยสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงที่เห็นเด่นชัดที่สุดนั้นก็คือไอคอนใหม่ ซึ่งจะสามารถตอบสนองการดาวน์โหลดเพลงของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทาง Apple เชื่อมั่นว่าสื่อเดิมๆ อย่างซีดีนั้นล่าสมัยไปเสียแล้ว เนื่องจากผู้ใช้จะหันไปใช้บริการดาวน์โหลดเพลงในรูปแบบดิจิตอลมากขึ้น

       นอกจากไอคอนใหม่แล้ว การแสดงรายชื่อเพลงยังได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยในเวอร์ชั่น 10 นี้ถ้ามีเพลงตั้งแต่ห้าเพลงขึ้นไปที่อยู่ในอัลบั้มเดียวกันถูกแสดงผลในแถวเดียวกัน ตัวโปรแกรมจะทำการแสดงภาพปกอัลบั้มเพลงเหล่านั้นขึ้นมา แทนที่จะเป็นขึ้นชื่ออัลบั้มซ้ำๆ กันเช่นแต่ก่อน

       แต่คุณสมบัติที่ใหม่จริงๆ นั้นก็เห็นจะเป็นเครือข่ายสังคมของ Apple เองที่มีชื่อว่า Ping ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาเพลง คอนเสิร์ต และติดต่อกับเพื่อนๆ ได้โดยง่าย โดยการทำงานนั้นคล้ายๆ กับเป็นส่วนผสมระหว่าง Facebook และ Twitter ที่ท่านสามารถติดตามบรรดาผองเพื่อนและศิลปินที่ชื่นชอบได้เหมือนกับใน Twitter โดยที่เขาเหล่านั้นสามารถโพสต์ภาพ วิดีโอ และแสดงกิจกรรมที่เพิ่งทำไปได้เหมือนกับใน Facebook สำหรับการเริ่มต้นใช้งานครั้งแรกนั้นผู้ใช้ต้องสร้างโปรไฟล์ของตนขึ้นมา ซึ่งต้องเชื่อมต่อกับแอคเคาท์ของ iTunes ก่อนที่จะใช้คุณสมบัตินี้ได้

       นอกจากนั้น ในหน้าศิลปินผู้ใช้จะสามารถเห็นรายชื่อเพลงที่บรรดาศิลปินของท่านชื่นชอบ รายการกิจกรรมที่เพิ่งได้ทำลงไป ตลอดจนรายการคอนเสิร์ตคราวหน้าของพวกเขา/เธอได้เลย อีกทั้งยังมีปุ่ม Follow ให้ผู้ใช้กดเพื่อเป็นการอัพเดตความเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งจะขึ้นมาบนหน้าจอหลักของผู้ใช้

       สำหรับบรรดาเพื่อนๆ ของผู้ใช้นั้น Ping จะแสดงรายการเพลง ข้อความโพสต์ต่างๆ คอนเสิร์ตที่เขา/เธอกำลังจะไป และรายชื่อคนที่ไป follow อยู่ด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้หลายระดับให้กับบรรดาเนื้อหาต่างๆ เพื่อเป็นการรักษาความเป็นส่วนตัว อีกทั้งเวลาที่ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงวิดีโอ ภาพถ่าย หรืออัลบั้มภาพได้ในหน้าจอเดียวกับที่ใช้ดูโปรไฟล์ของเพื่อนได้เลยอีกด้วย

       ในอนาคตคาดว่าบริการ Ping จะมีรายชื่อคอนเสิร์ตมากกว่า 17,000 รายการ นอกจากนั้นผู้ใช้จะยังได้รับรายการเพลงและชาร์ตอัลบั้มตามที่เพื่อนของท่านชื่นชอบ โดยที่สามารถโพสต์ความคิดเห็นต่างๆ ได้ สุดท้ายบริการ Ping นั้นจะสามารถใช้ได้กับ iPhone และ iPod Touch โดยที่ผู้ใช้เพียงแต่เข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Ping มาเท่านั้น

อ้างอิง : beta.i3.in.th