ในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งมีกระดิ่งเล็กๆ แขวนไว้ที่ประตูร้าน
ทุกครั้งที่มีแขกเข้าร้านก็จะทำให้กระดิ่งนั้นส่งเสียงดัง “Ding Ding”

วันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 กว่าปี เข้ามาในร้านกาแฟนี้
เจ้าของร้านสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับให้เขานั่งด้านใน

“กาแฟแก้วนึงครับ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
เจ้าของร้านสาวพูดพลางยิ้มให้อย่างมีมารยาท
แล้วก็ไปบดเม็ดกาแฟและตั้งกาต้มกาแฟ
ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวอยู่ตลอด
ไม่นานนัก เจ้าของร้านสาวก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ”
“คุณเพิ่งมาเป็นครั้งแรกใช่ไหม? รู้สึกว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เจ้าของร้านสาวถาม
“ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ”
“ฉันก็ชอบบรรยากาศของร้านนี้มากเหมือนกันถึงแม้ว่ากิจการร้านนี้ไม่ค่อยดีนัก
ฉันกับสามีก็เสียดายไม่อยากจะปิดร้านทิ้ง”
ทั้งคู่เงียบไปสักพัก
“ผมขอถามอะไรคุณบางอย่างได้ไหมครับ?
เอ่อ… ก่อนที่จะถามคุณผมอยากจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟังก่อน”
ชายหนุ่มพูดถามขึ้นมา

“ได้ค่ะ คุณพูดมาได้เลย” เจ้าของร้านสาวก็สนใจที่จะฟัง
ชายหนุ่มก็เล่าเรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งผ่านมานานมากแล้ว
“เมื่อก่อนผมมีแฟนคนหนึ่ง
เราสองคนก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคตแล้ว
ความรักของเราสองคนนั้นถึงแม้จะธรรมดา แต่แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
เพราะผมรักเธอมากเพียงแค่มีเธออยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุขมากแล้ว
แต่ทว่า ความสุขอันนี้มันช่างสั้นนักหลังจากนั้นก็มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
ก่อนหน้าพิธีหมั้นของเราสองคนหนึ่งเดือน
คืนนั้นผมมีธุระต้องทำจึงไม่สามารถไปส่งเธอกลับบ้านได้
ในคืนนั้น เธอโดนคนร้ายรุมข่มขืน…”

“แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรคะ? ความรู้สึกของคุณที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปหรือ?”
เจ้าของร้านสาวถามด้วยความสงสาร

“ถึงแม้จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ความรักของผมที่มีให้เธอก็คงยังมั่นคงมิได้แปรเปลี่ยนเลยสักนิด
ผมก็ตั้งใจจะจัดพิธีหมั้นขึ้นตามเดิม
แต่… เธอคิดไม่ตก เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเธอคนเดิมแล้ว
ในวันหมั้นของเราสองคนวันนั้น เธอผูกคอตาย
โชคยังดีที่ว่าพวกเราพบเธอได้เร็ว ช่วยชีวิตเธอไว้ได้
แต่เพราะว่าสมองขาดอ็อกซิเจ็นนานเกินไป
ทำให้เธออยู่ในสภาพไม่มีความรู้สึกตัว และอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลยก็ได้…
สุดท้าย เธอก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อผมรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบไปหาเธอ
แต่พ่อแม่เธอขวางกั้นผมไว้ไม่ให้ไปพบเธอ
พวกเขาคุกเข่าลงมาขอร้องผม กลายเป็นว่าความทรงจำบางส่วนได้หายไป
หมอบอกว่าเมื่อคนโดนกระตุ้นจิคใจอย่างแรง
ก็อาจจะเลือกที่จะหลบหลีกความทางจำอันนั้นโดยการฝังลึกไว้ในใจตัวเอง
ไม่ต้องการที่จะจำเรื่องเลวร้ายนั้นอีก
เธอลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วย
พ่อแม่เธอขอร้องให้ผมอย่าเพิ่งไปพบเธอสักพัก
เขาไม่ต้องการให้เธอนึกถึงเรื่องน่าเศร้านั้นอีก
เพราะกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายอีก
ถ้าบังเอิญเจอกันในที่อื่น ก็จะทำเป็นไม่รู้จักไม่ทักทายกันเด็ดขาด
ช่วงเวลานั้นมันช่างทรมานยิ่งนัก อยากรักเธอ แต่ไม่อาจทำได้
อยากจะพบหน้าเธอ แต่ก็ไปพบไม่ได้ วันนี้ เป็นวันครบสิบปีนั้นแล้ว”

“ขอแสดงความยินดีให้ด้วยค่ะ คุณรอคอยมาสิบปีแล้ว
ในที่สุดวันนี้ก็สามารถไปพบเธอได้แล้ว”

“ใช่ครับ แต่… ยิ่งใกล้ถึงเวลานี้ ผมก็ยิ่งกลัว
สิบปีที่ผ่านมานี้ความรักผมนั้นยังไม่เปลี่ยน แต่ตัวเธอล่ะ?
ถ้าผมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง เธอก็ยังจำผมไม่ได้
แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าเธอได้แต่งงานไปแล้ว
ผมควรจะทำเช่นไรดี? เพราะเช่นนี้ ผมอยากจะถามคุณว่า
คุณคิดอย่างไร? ถ้าแฟนผมคนนี้แต่งงานไปแล้ว
ผมควรจะบอกให้เธอได้รับรู้เรื่องนี้มั้ย?”

เจ้าของร้านสาวก็พูดอย่างจริงใจว่า “ถ้าสมมุติว่าเธอมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร
เพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แต่งงานกัน คุณยังมีโอกาส
แต่ถ้าเธอคนนั้นได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วคุณก็ไม่ควรไปทำลายครอบครัวเขา”

ชายหนุ่มได้รับฟังแล้ว ก็แค่ตอบสั้นๆ ด้วยความผิดหวัง… “นั่นสินะ…”

“Ding Ding”
พอดีเวลานี้ก็มีแขกคนอื่นเข้ามาในร้าน
เจ้าของร้านสาวก็พูดกับชายหนุ่มว่า
“ฉันต้องไปต้อนรับแขกแล้ว เชิญตามสบายนะคะ”
เธอเดินออกไปได้สองก้าว ก็หันกลับมาถามเขาว่า
“จริงสิคุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยสนิทกับฉันมากนัก
ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังล่ะคะ?”

“เพราะว่า เธอคนนั้นเคยพูดเอาไว้ว่า หลังแต่งงานแล้ว
เธออยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อย่างนี้เหมือนกัน”
ชายหนุ่มคิดสักครู่ถึงตอบออกมา

“อ๋อ อย่างนี้เองหรือคะ”
พูดจบเธอก็หันหลังกลับเดินไปต้อนรับแขกที่เข้ามาใหม่

ชายหนุ่มมองตามร่างของเจ้าของร้านสาวนั้น
น้ำตาเขาค่อย ๆหยาดไหลออกมา

เขาตัดสินใจไม่บอกเธอว่าแท้จริงแล้วเขามาที่ร้านนี้เพื่ออะไร
แฟนของเขาคนนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอนั้นมันช่างไกลยิ่งนัก
กาแฟในแก้วนั้น ก็ไม่รู้เย็นลงตั้งแต่เมื่อไหร่…

แล้วถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำอย่างไร????