ผงซักฟอกต้องใส่เต็ม 1ช้อนถึงจะซักผ้าสะอาด

ถ้าผ้าแห้ง แข็งกระด้างต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม

ยาสีฟันต้องผสมสารต่าง ๆ เหล่านี้ ถึงจะขจัดคราบต่างๆ ได้ดี และทำให้ปากสะอาด

ต้องใส่ผงชูรสยี่ห้อนี้ อาหารถึงจะอร่อย

สระผมแล้วต้องตามด้วยครีมนวดผม ผมจึงจะนุ่มสลวย

ถ้าลูกไม่เติบโตสมวัย ต้องรับประทานขนมยี่ห้อนี้เป็นอาหารเสริม

ฯลฯ


เหล่านี้มักเป็นสารที่ผู้บริโภคทั่วไปได้รับมาจากสื่อโฆษณาประเภทต่างๆ แน่นอนว่า เบื้องหลังของการส่งสารเหล่านี้ออกมาก็เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้า หรือเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้สินค้าให้เพิ่มขึ้น

ไม่นานมานี้ ทีมงานไปพบแพทย์ผิวหนัง ด้วยอาการฝ่ามืออักเสบ คุณหมอบอกว่า อาการนี้เรียกง่ายๆ ว่า โรคมือแม่บ้าน เนื่อง จากต้องเผชิญกับสารเคมีต่างๆ ในบ้านมากไป ทั้งน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า ยาสระผม น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาอาบน้ำสุนัข ฯลฯ จนเซลล์ผิวหนังบริเวณมือถูกทำลายอย่างหนัก

คำแนะนำจากแพทย์คือ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านั้นในปริมาณที่ลดลง เคยใช้ 1 ช้อน เต็มให้เหลือเพียงครึ่ง หรือไม่ก็ผสมน้ำให้เจือจางก่อน ไม่เช่นนั้นก็ให้ใส่ถุงมือหากต้องสัมผัสกับสารดังกล่าวเป็นประจำ! รวมถึงการทายาเพื่อรักษาอาการดังกล่าว

คำแนะนำจากแพทย์ทำให้ต้องหันกลับมามองครอบครัวกันอีกครั้งว่านอกจากตัว ทีมงานที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังมีเด็กๆ ที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้เช่นกัน (แม้จะดูเหมือนน้อยกว่า เพราะเด็กๆ ก็มีน้ำยาซักผ้าสำหรับเด็ก มีน้ำยาล้างขวดนม – ภาชนะสำหรับเด็ก) ซึ่งหลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว อาการต่างๆ ก็ดีขึ้น แถมยังรู้สึกว่าประหยัดกว่าเดิมเสียอีก

ในระหว่างที่มืออักเสบก็มีเหตุให้ต้องไปร้านทำผม ก็เป็นอีกครั้งที่ทีมงานบอกพนักงานที่มาสระผมให้ว่า ช่วยลดจำนวนครั้งของการสระผมลงเหลือครั้งเดียวก็พอ ไม่ต้องสระสามครั้งก็ได้ค่ะ แล้วก็เลยถามเขาว่า เจอสารเคมีบ่อยๆ แบบนี้ มือเป็นอย่างไรบ้าง พนักงานท่านนั้นก็ตอบตรงๆ ว่ามือพังเหมือนกันค่ะ ต้องยาทาประจำ แต่เลี่ยงไม่ได้ เพราะลูกค้าหลายคนคิดว่า ถ้าไม่สระหลายๆ ครั้งจะไม่สะอาด หรือยิ่งสระหลายครั้งก็ยิ่งคุ้ม!

ความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่ปัญหาที่ไม่ควรจะเกิด หรือโรคที่ไม่ควรจะเกิดจริงๆ ค่ะ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ