ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ‘การปลูกต้นไม้ประดับบ้าน’ กลายเป็นเทรนด์ฮิตอย่างเห็นได้ชัด จริงอยู่ที่การปลูกต้นไม้ไม่ใช่ของใหม่และได้รับความนิยมมาเนิ่นนาน แต่อาจจะแค่ในกลุ่มคนที่มีพื้นที่สวนในบริเวณบ้าน รวมทั้งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและสูงอายุเสียส่วนใหญ่ ต่างจากตอนนี้ที่นักปลูกต้นไม้กลายเป็นกลุ่มวัยรุ่น

     เทรนด์การสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองเริ่มเกิดขึ้นในช่วงสองสามปีหลัง สังเกตจากแนวคิดของโครงการหมู่บ้าน คอนโดมิเนียม หรือกระทั่งอาคารสำนักงานที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือตัวบ่งบอกได้ว่า ‘คนเมืองกำลังแสวงหาธรรมชาติ’ ด้วยชีวิตอันรีบเร่งจนไม่สามารถดึงตัวออกไปสัมผัสกับธรรมชาติได้ ทางออกก็คือนำธรรมชาติเข้ามาอยู่ในบ้าน

     ยิ่งเมื่อทุกคนบนโลกพูดถึงการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน (Sustainablity) ไหนจะมีเกรตา ธุนเบิร์ก สาวน้อยนักเคลื่อนไหวเรื่องภาวะโลกร้อนชาวสวีเดนออกมาป่าวประกาศ (และกัดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คำโตในงาน World Economic Forum ว่า “การปลูกต้นไม้เป็นเรื่องที่ดี แต่ต่อให้ปลูกพันล้านต้นตอนนี้ก็ช่วยลดโลกร้อนไม่ทันแล้วค่ะ”) สำหรับในประเทศไทย ผลกระทบของฝุ่นมลพิษ PM2.5 ที่เข้าปกคลุมเมืองจนส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนตั้งแต่ปีที่แล้วก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้คนเมืองออกตามหาต้นไม้ฟอกอากาศมาปลูกไว้ที่บ้านพอๆ กับเครื่องฟอกอากาศ 

     “เมื่อตอนที่สภาวะอากาศที่เป็นพิษ PM2.5 มาแรง คนจึงเริ่มหาไม้ฟอกอากาศในบ้านในอาคาร” คุณนพดล หลิ่วน้อย แอดมินเพจเฟซบุ๊ก  ไม้ฟอกอากาศ Air Purifier Tree ทุกชนิด กล่าว “จากการทำทะเบียนคนขายพบว่ามีแม่ค้าหน้าใหม่อายุน้อยที่สนใจทำการค้าต้นไม้มากขึ้น เหตุผลหลักผมคิดว่ามาจากการเสิร์ชหาข้อมูลต้นไม้มาปลูกประดับบ้านเพื่อขจัดฝุ่น PM2.5 จากนั้นก็เริ่มเข้าหากลุ่มที่มีไม้ชนิดนี้ครับ” เพจขายและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องไม้ฟอกอากาศนี้มีสมาชิกกว่า 23,000 คนแล้วในตอนนี้

     ความเห็นของคุณนพดลตรงกับรายการสอนปลูกต้นไม้มากมายบน YouTube ที่มีผู้ดำเนินรายการเป็นหนุ่มสาววัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็นำเสนอต้นไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม เหมาะกับการปลูกในบ้าน และหลายต้นก็ฟอกอากาศได้ “คิดว่าน่าจะเกิดจากความสนใจที่มีต่อธรรมชาติมากขึ้น แนวโน้มมันมาเป็นแพ็กเกจ การเที่ยวแบบกลับสู่ธรรมชาติ การลงมือทำอะไรเอง ทำขนมปัง เลี้ยงยีสต์ หมักเหล้าบ๊วย งานหัตถกรรมต่างๆ” คุณพลอย จริยะเวช นักเขียนไลฟ์สไตล์และนักออกแบบคอนเซ็ปต์ชื่อดังแสดงความเห็น “มันอาจจะถึงจังหวะเวลาดีดกลับของโลกพอดี เช่นยุคที่ปรุงแต่งมากพ้นไป ก็ต่อด้วยยุคจริงแท้ ดิบ ธรรมชาติ ทำไมคนวัย 20s 30s สนใจการกินที่คลีนขึ้น วิ่ง โยคะ ดูแลตัวเอง ดูแลโลก ออกไปใช้ชีวิตในป่า ในสวน ต้นไม้นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง” คุณพลอยกล่าวปิดท้ายว่า “รู้สึกว่ามันดีดกลับไปในยุค 70s เหมือนกัน รุ่นปู่นี่คือเลี้ยงกระบองเพชรเลยนะ”

     โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดและบังคับให้ทุกคนอยู่บ้านหรือทำงานที่บ้าน ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เทรนด์การปลูกต้นไม้ได้รับความนิยมขึ้นไปอีก เนื่องจากหลายคนเริ่มใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าที่เคย และโหยหาการออกไปพบกับธรรมชาติภายนอก จึงหันมาเติมแต่งบ้านให้มีพื้นที่สีเขียว

PLANTING 101

ทุกเรื่องที่มือใหม่ควรรู้ก่อนลงมือปลูกต้นไม้

Planning

     “ผิดมากหากคุณไปซื้อต้นไม้ก่อนหาที่วาง” เพราะต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่จะตั้งตรงไหนก็ได้ ขอให้เริ่มต้นจากการสำรวจที่พักอาศัยของคุณก่อนว่าพื้นที่ตรงไหนเหมาะกับการวางต้นไม้บ้าง สำรวจในที่นี้ไม่ใช่แค่พื้นที่ว่าง แต่ต้องดูด้วยว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีแสงแดดส่องเข้าถึงไหม กี่โมงถึงกี่โมง ต้นไม้ประดับบ้านส่วนใหญ่ไม่ชอบแดดแรง ควรหาบริเวณที่มีแดดส่องตอนเช้าครึ่งวัน เพราะเป็นปริมาณแดดที่ต้นไม้ชอบ (ยกเว้นกระบองเพชร สามารถตากแดดได้ทั้งวัน)

     เมื่อเริ่มเล็งพื้นที่ได้แล้วก็ศึกษาดูว่าต้นไม้ที่คุณอยากได้เหมาะที่จะตั้งตรงไหนของบ้าน ไม้บางชนิดชอบโดนแดดเช้า ไม้บางชนิดไม่ชอบโดนแดดตรงๆ แต่ชอบแสงแดด (สำคัญมากที่คุณต้องแยกแยะระหว่าง “โดนแดด” กับ “ได้รับแสงแดด”) ไม้บางชนิดไม่ต้องการแสงแดดเลยแต่ต้องอยู่ในที่อากาศถ่ายเท ‘อากาศถ่ายเทสำคัญมาก’ มือใหม่หลายคนตกม้าตายเพราะคำนึงแค่เรื่องแดด-ไม่แดด แต่อย่าลืมว่าต้นไม้ต้องการอากาศหายใจ ต่อให้เป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการแดด แต่หากขังไว้ในห้องนอนที่ปิดประตูหน้าต่างก็เท่ากับเป็นเตาอบดีๆ นี่เอง คุณต้องบังคับตัวเองให้ตามใจต้นไม้มากกว่าตามใจคุณ อย่าดึงดันที่จะนำต้นไม้หน้าตาดีไปวางข้างหัวนอนเพื่อถ่ายภาพลงอินสตาแกรม (อีกนัยหนึ่งคือ อย่าหลงเชื่อภาพในอินสตาแกรมและพินเทอเรส หลายคนไม่ได้เลี้ยงไว้ตรงนั้นตลอดหรอก แค่นำไปตั้งถ่ายภาพเท่านั้น)  

     การศึกษาหาข้อมูลต้นไม้ที่อยากปลูกเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ทุ่มเทเวลาเสิร์ชหาข้อมูลให้เพียงพอก่อนที่จะไปซื้อ เพราะหากคุณคิดว่าเดี๋ยวไปเดินดุ่มๆ ที่ตลาดต้นไม้และถามพ่อค้าแม่ค้าเอา “คุณจะงง” และกลับมาพร้อมต้นไม้มากมายจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

Buying

     แม้ทุกวันนี้จะมีเพจขายต้นไม้ออนไลน์มากมาย แต่ผมไม่แนะนำให้ซื้อ เสน่ห์ของการซื้อต้นไม้คือการไปเดินเลือกเอง ได้เห็นขนาดลำต้น ดูสภาพใบ โทนสี และยังได้พูดคุยสอบถามวิธีการปลูกกับคนขาย ที่สำคัญเรายังหิ้วกลับมาที่บ้านได้เลยซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าต้นไม้ที่ส่งพัสดุที่อาจเกิดสภาพชำรุดหรือขาดน้ำระหว่างการจัดส่ง อ้อ เกือบลืมอีกหนึ่งเหตุผลที่ดีคือ การซื้อต้นไม้ที่ตลาดราคาถูกกว่าออนไลน์แบบครึ่งต่อครึ่ง

     ตลาดต้นไม้ที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ มีสองแห่งคือ ตลาดต้นไม้สวนจตุจักรที่เปิดวันพุธและพฤหัสบดี ตั้งแต่ 9.00-17.00 น. แต่วันที่คนนิยมไปกันคือเย็นวันอังคารที่เริ่มขายตั้งแต่ 4 โมงเย็นยัน 4-5 ทุ่ม เนื่องจากเป็นวันแรกที่คนขายนำของมาลง จึงมีต้นไม้ให้เลือกมากกว่าวันหลังๆ ข้อดีของการเดินตลาดต้นไม้ตอนกลางคืนอีกอย่างคืออากาศไม่ร้อน แต่ข้อเสียคือคุณจะเห็นสีของต้นไม้ได้ไม่เป็นธรรมชาติ อีกแห่งที่ได้รับความนิยมคือตลาดต้นไม้ย่านบางใหญ่ ซึ่งมีแบ่งย่อยออกเป็นหลายตลาดที่อยู่ติดๆ กัน คอต้นไม้ไปทีก็นิยมแวะหลายตลาด ขอให้คุณเริ่มปักหมุดจาก บางค้อมาร์เก็ต ต่อไปยัง แสงอารีย์การ์เดน (ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นตลาดใหญ่และนิยมขายไม้ประดับที่เหมาะกับการปลูกในบ้าน), บิ๊กการ์เดน และปิดท้ายที่ ตลาดขายส่งต้นไม้พระเงิน (เป็นตลาดใหญ่ เน้นขายส่ง เหมาะกับคนทำสวนขนาดใหญ่ ซื้อหลายต้น แต่ก็ขายปลีกเช่นกัน ราคาค่อนข้างถูก แต่มีพันธุ์ไม้ให้เลือกน้อยกว่าแสงอารีย์การ์เดน) 

     คำถามสำคัญที่คุณต้องถามคนขาย ได้แก่ ปลูกในสภาพอากาศแบบใด? (คุณมักจะได้คำตอบว่า “รำไร” ซึ่งหมายถึงไม่ชอบแสงแดดโดยตรง แต่ต้องการแสงแดด ห้ามอยู่ในร่ม) เพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง? (ไม้ที่เพาะเมล็ดจะแข็งแรงกว่าเพราะมีรากสมบูรณ์ อาจมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากต้องใช้เวลาการเลี้ยง ขณะที่ไม้ที่ปักชำกิ่งอาจจะเพิ่งมีรากและยังไม่แข็งแรงดี) ใช้เครื่องปลูกแบบไหน? (เพื่อนำมาเปลี่ยนให้ถูกต้อง) และคำถามยอดฮิต ฟอกอากาศได้ไหม? (ต้นไม้หลายต้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้จริง แต่ถ้าคุณซื้อต้นเล็กๆ มาหนึ่งต้น จะคาดหวังให้ต้นไ้ม้ทำหน้าที่เหมือนเครื่องฟอกอากาศก็คงไม่ใช่)

     หากคุณไปเดินตลาดต้นไม้บ่อยๆ จะพบว่าชนิดของต้นไม้มีราคากลาง อาจบวกลบนิดหน่อยก็อย่าได้เสียอารมณ์หากซื้อแล้วเจอที่ราคาถูกกว่า ขอแค่คุณพอใจกับฟอร์มและรูปลักษณ์ของต้นไม้ก็ซื้อไปเถอะ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ซื้อต้นไม้ถูกและเลี้ยงง่ายมาชิมลางก่อน ถ้าเริ่มต้นด้วยต้นไม้แพงหลายๆ ต้น เกิดเลี้ยงและตายจะหมดกำลังใจเสียเปล่า

     อ้อ วันที่ซื้อต้นไม้ อย่าลืมซื้อกระถางและเครื่องปลูกมาเผื่อไว้เลย จะได้ไม่เสียเที่ยว

Planting

     ยอมรับเถอะว่าเหตุผลหนึ่งที่อยากปลูกต้นไม้ประดับบ้านก็เพื่อถ่ายรูปอวดในโซเชียล คนส่วนใหญ่จึงชอบเปลี่ยนกระถางให้ออกมาหน้าตาสวยงามแทนที่กระถางพลาสติกสีดำที่ใส่มาตอนซื้อ กระถางที่เปลี่ยนควรมีขนาดพอดีกับขนาดของต้นไม้และไม่ควรเล็กกว่ากระถางที่ซื้อมา แต่ก็ไม่ควรใหญ่จนเกินไป (ไม่ต้องเผื่อโต เพราะคุณควรเปลี่ยนกระถางทุกๆ ปีอยู่แล้ว) ข้อสำคัญควรเลือกกระถางที่มีรูก้นกระถางเพื่อการระบายน้ำ ไม่ให้รากเน่า หากเจอกระถางสวยที่ไม่มีรูก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ให้ใช้วิธีปลูกในกระถางพลาสติกแล้ววางซ้อนลงไป หาเศษอิฐหรือวัสดุที่ไม่ยวบวางรองก้นกระถาง นานๆ ทีก็หยิบน้ำที่ขังอยู่ออกมาเททิ้ง

     ไหนๆ เปลี่ยนกระถางแล้วคุณก็ควรเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ที่เหมาะสมและมีคุณภาพดี แน่นอนว่าต้นไม้ที่คุณซื้อมาไม่ได้ใช้วัสดุปลูกเกรดดีนักหรอก เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งไว้ในบริเวณที่เหมาะสม และอย่าลืมเฝ้าสังเกตลักษณะอาการ รดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ (คุณอาจไม่รู้ว่าต้นไม้ที่ตายส่วนใหญ่ได้รับน้ำมากเกินไปจนรากเน่า มากกว่าขาดน้ำ) และใส่ปุ๋ยสองสามเดือนครั้ง

     บทความนี้อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณควรรู้ในการปลูกต้นไม้หรอกครับ แต่อย่างน้อยน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับมือใหม่นักปลูกได้บ้าง เวลาใครถามผมว่าเคล็ดลับในการปลูกต้นไม้คืออะไร ผมมักจะตอบว่า “ขอให้สนุกและเรียนรู้ไปกับมัน” ไม่มีใครปลูกต้นไม้แล้วไม่ตายครับ แต่ขอให้การตายแต่ละครั้งของต้นไม้เป็นบทเรียนสอนเรา การปลูกต้นไม้ให้เติบโตดีก็เป็นความภูมิใจและความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตที่คุณจะหลงใหลและถอนตัวไม่ขึ้น

โดย ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

Cr : https://www.gqthailand.com/gq-hype/article/gq-hype-vol-19